บทความเพื่อบันทึกการอ่าน 1



บทอ่านเรื่องที่ 1 : ความสุขแห่งใจ


       เมื่อมีทุกข์หรือพบปัญหาและอุปสรรคในชีวิต หากมีความอดทน เข้มแข็งพอจะสามารถเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี และจะพบกับความสุขของชีวิต ฉะนั้นจึงไม่ควรท้อแท้หมดกำลังใจหรือล้มเลิกความตั้งใจ ขอให้มีความอดทนมานะพยายาม และต่อสู้ไปให้ถึงที่สุด                         
       ต้นไม้ต้นหญ้าบางเบากว่าชีวิตมนุษย์มากนัก แต่ยังสู้ และเบียดเสียดแทรกจากหินผา จงต่อสู้กับตนเอง เช่น ต้นไม้ ต้นหญ้า ต้นเล็กที่เบียดแทรกออกจากซอกแตกของร่องหิน จงพยายามที่จะอยู่รอด และดิ้นรนเพื่อตนเองเพื่อชิวิตที่ดีกว่า และเพื่อความไม่ทุกข์อันเป็นเป้าหมายของการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข                                                                            ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้  แต่ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้  มนุษย์เลือกที่จะเกิดบนความพร้อมทุกสิ่งไม่ได้ แต่มนุษย์เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ต้องการได้ ...ด้วยตนเอง                                                                                                                        อย่าประมาท ความแตกต่างระหว่างผู้แพ้กับผู้ชนะคือ ผู้ชนะจะใช้เวลาที่มีอยู่ตรงหน้าเหมือนกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตโดยไม่ประมาท ไม่ใส่ใจกับอดีต และมิได้มุ่งหวังเวลาในอนาคต แต่ผู้แพ้นั้นมัวแต่วนเวียนเพ้อฝันกับความคิดว่าสักวันหนึ่งฉันจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ และเป็นอยู่อย่างประมาท ซ้ำยังมัวแต่พะว้าพะวงกับอนาคตซ้ำยังอาลัยอาวรณ์กับอดีตโดยมิได้ลงมือทำสิ่งใดเลย ดังนั้นจงอย่าเสียเวลาแม้เพียงนิดกับความประมาทในชีวิตเลย     
       อุปสรรคจะเล็กน้อยหรือจะใหญ่โต ขึ้นอยู่กับจิตใจนั้นคิดใหญ่หรือใจที่คิดเล็ก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามปัญหา และอุปสรรคย่อยเกิดขึ้นได้เสมอ หากใจเราไม่ท้อแท้หรือยอมแพ้ก็จะมีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จใหม่ได้


💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
           Wonder Man. (2557). บทความให้กำลังใจสำหรับคนท้อแท้. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก
                        www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=3208  สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561.




บทอ่านเรื่องที่ 2 : สิ่งที่เรามองข้าม
    
                            ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า......
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น……
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดีๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง                                                                                                          ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดีๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุดแล้ว
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนที่รักให้มากขึ้น…….
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน                                                                                         อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
และเวลานี้….
ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะส่งข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า…                                                      สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น 
                    คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้

                                                  💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
             จอร์จ คอลลิน. (2544). สิ่งที่เรามองข้าม. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://writer.dek-d.com/       
                         lovesuper-junior/story/viewlongc.php?i d=656731&chapter=22สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561.


บทอ่านเรื่องที่ 3 : แด่คนที่ยังไม่สิ้นหวัง
  
                                        ถ้าโกรธกับเพื่อน. . . มองคนไม่มีใครรัก
                                  ถ้าเรียนหนักๆ . . . มองคนอดเรียนหนังสือ                                                                                                  ถ้างานลำบาก...มองคนอดแสดงฝีมือ                                                                                                          ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ...มองคนที่ตายหมดลม

                                               ถ้าขี้เกียจนัก . . . มองคนไม่มีโอกาส
                                  ถ้างานผิดพลาด . . . มองคนไม่เคยฝึกฝน
                                  ถ้ากายพิการ . . . มองคนไม่เคยอดทน
                                  ถ้างานรีบรน . . . มองคนไม่มีเวลา

                                        ถ้าตังค์ไม่มี . . . มองคนขอทานข้างถนน
                                  ถ้าหนี้สินล้น . . . มองคนแย่งกินกับหมา
                                  ถ้าข้าวไม่ดี . . . มองคนไม่มีที่นา
                                  ถ้าชีวิตแย่ . . .มองคนที่แย่ยิ่งกว่า

                                       อย่ามองแต่ฟ้า . . .ที่สูงเกินตาประจักษ์
                                  ความสุขข้างล่าง . . . มีได้ไม่ยากเย็นนัก
                                  เมื่อรู้แล้ว . . . จัก . . . ภาคภูมิชีวิตแห่งตน

                                                                💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
         EYESTYLE. (2555). ถ้าคุณกำลังท้อ..ลองอ่านนี่ดู. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://writer.dek-d.com/       
                     lovesuper-junior/story/viewlongc.php?i d=656731&chapter=14. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561


บทอ่านเรื่องที่ 4 : เจ้าป่า

      ณ ป่าแห่งหนึ่งมีเสือโคร่งตัวใหญ่ นิสัยอันธพาลเกเร วันๆมันจะเที่ยวรังแกสัตว์น้อยใหญ่ไปทั่ว วันหนึ่งเจ้าเสือโคร่งไล่แกล้งรังแกกระต่ายน้อยจนสาแก่ใจ กระต่ายน้อยเสียใจมากที่ตนไม่มีพละกำลังจะต่อสู้กับเสือโคร่งได้ จึงร้องไห้  เทพารักษ์ประจำป่าจึงปรากฏตัวขึ้นมาห้ามไม่ให้เสือโคร่งรังแกกระต่ายอีก โดยเทพารักษ์จะให้พรวิเศษ 2 ข้อแก่สัตว์ทั้งสองด้วย เสือโคร่งรับปากว่าจะไม่แกล้งกระต่ายน้อยอีกและจะเป็นผู้ขอพรวิเศษก่อน                                                                     เสือโคร่ง : ท่านเทวดา พรข้อที่ 1 ข้าขอให้ภายในรัศมี 300 เมตร นี้มีเสือตัวเมียเยอะๆ 
     เสือโคร่งร้องขอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยหวังว่าต่อไปนี้ตนเองจะมีเสือตัวเมียมารุมติดพันเยอะที่สุด
     เทพารักษ์ : ขอให้เเสือโคร่งได้พรตามที่ขอ...แล้วเจ้ากระต่ายล่ะจะขอพรอะไร
     กระต่าย : ท่านเทวดา ข้าขอให้ตัวเองมีพละกำลังวิ่งได้เร็วที่สุดในโลก แม้เสือก็ตามไม่ทัน
     เทพารักษ์ : ขอให้กระต่ายได้พรตามที่ขอนะ....ต่อไปพรข้อที่ 2 สุดท้ายแล้วคิดให้ดีล่ะพวกเจ้าต้องการอะไรว่ามา
     เสือโคร่งยิ้มเยาะกระต่ายที่ขอพรไร้สาระที่สุด และด้วยความมักมากเสือโคร่งจึงขอพรข้อที่ 2 ทันทีว่า
     เสือโคร่ง : พรข้อที่ 2 ข้าขอให้เสือทุกตัวภายในป่าทั้งป่านี้กลายเป็นตัวเมียให้หมด
     เสือโคร่งพูดด้วยความกระหยิ่มใจ คิดว่าต่อไปนี้ตนจะเป็นเสือตัวผู้ตัวเดียวในป่านี้ และจะจับเสือตัวเมียทุกตัวมาเป็นคู่ของตนเองให้หมดป่า
     เทพารักษ์ : ขอให้เสือโคร่งได้พรตามที่ขอนะ..เจ้าได้พรครบ 2 ข้อ แล้ว...เอ้าต่อไปเจ้ากระต่ายพรข้อที่ 2 ข้อสุดท้ายของเจ้า..เจ้าต้องการอะไรว่ามา

     กระต่ายน้อยหันไปยิ้มกับเสือโคร่งแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเทพารักษ์ว่า
    กระต่าย : พรข้อที่ 2 ของข้านี้ ข้าขอให้เจ้าเสือโคร่งเป็นเกย์ พูดจบกระต่ายก็วิ่งหนีหายลับไปด้วยความรวดเร็ว

                                                          💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :

         นิทานตลก. (2557). [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://writer.dek-d.com/       
                     lovesuper-junior/story/viewlongc.php?i d=656731&chapter=5สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561.



บทอ่านเรื่องที่ 5 : อะเมซอน

        แม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลกนั้นก็คือ แม่น้ำอะเมซอน (Amazon River) เป็นแม่น้ำที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศเปรู แล้วไหลออกไปยังมหาสมุทรของประเทศบราซิล โดยมีความยาวถึงประมาณ 6,400 กิโลเมตร และมีปากแม่น้ำกว้างมากถึง 272 กิโลเมตรเลยทีเดียว
       ซึ่งแม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลกอย่างแม่น้ำอะเมซอนยังเป็นแม่น้ำที่มีปริมาณน้ำมากที่สุดอีกด้วย โดยมีปริมาณน้ำที่ไหลออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกนั้นมีมากถึงราว 45 ล้านแกลลอนต่อวินาทีเลยทีเดียว ในช่วงหน้าฝนปริมาณน้ำฝนที่ตกในบริเวณนี้ตกเฉลี่ยถึงปีละ 3 เมตร และแม่น้ำอะเมซอนนี้ยังถือเป็นแหล่งรวมของการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นน่ากลัวจนได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความหฤโหดเลยทีเดียว ทั้งยังมีสัตว์น้ำหลายพันชนิดที่มีความดุร้ายอย่างปิรันย่า, มดคันไฟ หรือจระเข้เคแมน ฯลฯ                                                                                                                                              นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสาขาอีกมากกว่า 1,100 สาขาเลยทีเดียว ที่แยกออกจากแม่น้ำอะเมซอน รวมทั้งเป็นแม่น้ำที่เรียกว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลกอีกด้วย แถมยังมีจำนวนปลาหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่อย่างมากมายอีกถึงกว่า 3,000 ชนิดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Pirarucu ที่เป็นปลาน้ำจืดที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หรือ Tambaqui เป็นปลาที่มีฟันแข็งแรงมากๆ กินผลไม้ในตระกูล Characin และสามารถกัดกะเทาะเมล็ดที่มีความแข็งมากๆ ได้ เป็นต้น

                                                                💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
         เกร็ดความรู้.net. (ม.ป.ป.). ที่สุดในโลก. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.เกร็ดความรู้.net./
                     แม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561



บทอ่านเรื่องที่ 6 : ตำนานรอยพระพุทธบาทสระบุรี
         
          ในดินแดนไทยมีการค้นพบรอยพระพุทธบาทตั้งแต่สมัยทวารวดี สุโขทัย อยุธยา เรื่อยมาจนปัจจุบัน แต่ที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ รอยพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี
          การค้นพบรอยพระพุทธบาทนรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีการส่งคณะสงฆ์จากกรุงศรีอยุธยา
ไปยังลังกาทวีปเพื่อนมัสการพระพุทธบาท ณ เขาสุมนกูฏ ทว่าครั้นเมื่อเดินทางไปถึง พระสงฆ์ชาวลังกากลับทักท้วงว่า เหตุใดจึงต้องเดินทางมาถึงที่นี่ ทั้งที่ดินแดนไทยเองก็เป็นหนึ่งในห้าแห่งที่พบรอยพระพุทธบาท นั่นคือเขาสุวรรณบรรพต ขอให้ลองกลับไปตรวจตราดู
          เมื่อความทราบถึงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างสูง พระองค์จึงโปรดฯ ให้ทุกหัวเมืองออกตรวจตราหาเขาสุวรรณบรรพตและรอยพระพุทธบาททันที ไม่นานนักเจ้าเมืองสระบุรีจึงมีหนังสือแจ้งเข้ามาว่า มีผู้พบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสุวรรณบรรพต หัวเมืองสระบุรี
          เมื่อสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเสด็จไปยังยอดเขานั้น ทรงพบ รอยเท้าขนาดใหญ่อยู่จริง เมื่อเห็นว่ารอยเท้านั้นประกอบด้วยลวดลายมงคลตรงกับที่พระสงฆ์ทางลังกาแจ้งไว้ทุกประการ พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริว่า ชะรอยจะเป็นรอยพระพุทธบาทที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับไว้แต่ครั้งพุทธกาลเมื่อคราวเสด็จมาเผยแพร่คำสอน จึงควรยกย่องสถาปนาให้เป็น พระมหาเจดีย์สถาน สำหรับสักการะบูชาต่อไป”                                                                                                พระพุทธบาทสระบุรี จึงกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย พระมหากษัตริย์ไทยเกือบทุกพระองค์ทรงให้ความเคารพบูชาพระพุทธบาทและเสด็จฯ ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบ่อยครั้งจนเป็นประเพณี

                                                              💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง :
            pitch. (2560.). ตามรอยพระบาทยาตรา “องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า” ที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี.
                        [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/30557.html.                                                  สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561


บทอ่านเรื่องที่ 7 : อาจารย์กับลูกศิษย์
                อาจารย์คนหนึ่งชวนลูกศิษย์ไปเดินเล่นที่ชายหาด อาจารย์ได้เริ่มสอนลูกศิษย์ ด้วยการใช้ไม้ขีดเส้นสองเส้นลงไปบนผืนทราย เป็นเส้นคู่ขนาน ยาว 4 ฟุต และ 2 ฟุต ตามลำดับ  อาจารย์กล่าวว่า เธอจะสามารถทำให้เส้น 2 ฟุต ยาวกว่าเส้น 4 ฟุต ได้หรือไม่ ไหนลองทำให้อาจารย์ดูซิ ลูกศิษย์ได้คิดหาทางซักพักหนึ่ง แล้วก็เอามือลบรอยเส้นที่ยาว 4 ฟุต ให้สั้นลงเหลือเพียง 1 ฟุต ทำให้เส้น 2 ฟุตนั้นดูยาวกว่าทันที แล้วศิษย์ก็ถามอาจารย์ว่า ทำแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ” “เหยียบหัวคนอื่น เพื่อให้ตัวเองอยู่สูงขึ้น
             อาจารย์เขกกบาลลูกศิษย์เบาๆ แล้วกล่าวว่า คนที่จะยกตนเองให้สูงขึ้น โดยการทำร้ายคนอื่นนั้น ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม ถ้าเลือกใช้วิธีนี้ ชีวิตเธอก็มีแต่คนสาปแช่ง และในระยะยาวชีวิตมักจะล้มเหลว ทางที่ดีควรเลือกวิธีที่จะยกตัวเองขึ้น โดยไม่ไปลดคนอื่นลง
                แล้วอาจารย์ก็ขีดเส้นสองเส้นให้ยาวเช่นเดิม คือ 2 ฟุต และ 4 ฟุต จากนั้นอาจารย์ก็ทำให้ดูด้วยการขีดเส้น 2 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 5 ฟุต แล้วพูดว่า จงอย่าคิดว่าคู่แข่งของเจ้าคือศัตรู แต่ให้คิดว่าเป็นครูของเจ้าที่เธอจะต้องพัฒนาตัวเองให้เทียบเท่าหรือดีกว่า มันจะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามและยั่งยืน

                                                                  💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
          Happy Day. (2556.). ยกตัวเองขึ้นโดยไม่ลดคนอื่น.  [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.kwamru.com/  
                      category/เนื้อเรื่องให้แง่คิด. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561.


บทอ่านเรื่องที่ 8 : สมุนไพรใกล้ตัว

              ฟักทอง (Pumpkin) นั้นจัดเป็นพืชผักที่อุดมไปด้วยประโยชน์นานา มีรสชาติหวาน ซึ่งทั้งต้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วนเลยก็ว่าได้ โดยชาวจีนมักนิยมเรียกฟักทองนี้ว่า หกกวย, ฮวงกวย หรือแบะกวย เป็นต้น ฟักทองนี้จัดเป็น 1 ใน 50 สุดยอดสมุนไพรจีนอีกด้วย โดยส่วนใหญ่ผู้คนมักนิยมนำมารับประทานทั้งแบบผลสดแล้วนำไปนึ่ง หรือปรุงเป็นอาหารคาวและหวานรับประทานกัน นอกจากนี้ยังนำผลฟักทองไปทำเป็นภาชนะสำหรับใส่อาหารชนิดอื่นอีกด้วย และยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรอีกมากมายเลยทีเดียว
              ลักษณะทั่วไปของฟักทอง
               ฟักทองนั้นจัดเป็นไม้เถาเลื้อย โดยมีลักษณะลำต้นค่อนข้างอวบ มีเถาขนาดใหญ่และยาว รวมทั้ง
มีขนขึ้นปกคลุมอยู่ ซึ่งใบนั้นจะออกเป็นใบเดี่ยวรูปห้าเหลี่ยมตามลำเถา ส่วนดอกนั้นจะมีสีเหลืองออกเป็นดอกเดี่ยวอยู่ตามส่วนยอดของเถาหรือตามง่ามใบ เป็นรูประฆังหรือกระดิ่ง และผลของฟักทองนั้นจะมีขนาดกลมใหญ่ มีเปลือกหนา แข็ง และขรุขระ อาจมีสีน้ำตาลอมแดง หรือเขียว ก็ได้ตามแต่ละสายพันธุ์ และเนื้อในของฟักทองนั้นจะมีสีเหลืองสวยงามดูน่ารับประทาน พร้อมเมล็ดสีขาวด้านในหลายเมล็ด
               ประโยชน์และสรรพคุณของฟักทอง
ช่วยยับยั้งและป้องกันการเกิด
โรคมะเร็งในร่างกาย โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในผู้ที่มีอายุมาก
ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะช่วงเอวและหัวเข่า
ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัมพฤกษ์หรืออัมพาต
ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณดี เปล่งปลั่ง สดใส
ช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้แก่ 
ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, โรคทางสายตา หรือบำรุงตับและไต เป็นต้น

                                                                   💚💚💚💚💚💚💚💚 
อ้างอิง  :
         เกร็ดความรู้.net. (ม.ป.ป.). สมุนไพร. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.เกร็ดความรู้.net./ฟักทอง.
                     สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561.


บทอ่านเรื่องที่ 9 : ค้างคาว 3 ตัว

       มีค้างคาว 3 ตัว อาศัยอยู่ในถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่งแถวนั้นมีการแย่งชิงที่อยู่กันมาก
ดังนั้นพวกมันจึงตกลงกันว่าจะผลัดกันออกไปหาอาหารกินที่ละตัว ส่วนที่เหลือทำหน้าที่เฝ้าถ้ำที่อยู่ไว้
โดยค้างคาวตัวที่หนึ่งบินออกไปหากินก่อนแต่มันไปนานเกินกำหนดไว้ ร่วมชั่วโมง กว่าจะกลับมา มันคง
หาของกินได้นิดหน่อยดูปากแล้วไม่มีรอยเลือดติดมาเลย คาดว่าคงได้กินแค่ผลไม้มาเท่านั้น
                แล้วค้างคาวตัวที่สองก็บินออกไป หาของกินบ้าง มันออกไปนานเกินกำหนดถึง
       2 ชั่วโมงกว่าจะกลับมา แต่มันก็หาของกิน ได้ไม่มากไปกว่าตัวแรกเท่าใดนัก ค้างคาวตัวที่สาม จึงต่อว่า
กลับมาช้าจังวะ ข้ารอตั้งนาน ตาลายหมดแล้วเนี่ย พูดจบมันก็บินออกไปทันทีด้วยความโมโหสุดขีด
ผ่านไปแค่ 10 นาที ค้างคาวตัวที่ 3 ก็บินกลับเข้ามา มันเอามือเช็ดเลือดสดๆ ที่ปาก ท่าทางคงจะอร่อย
น่าดู  ค้างคาวอีก 2 ตัว สงสัยยิ่งนักว่าเพื่อนไปหาเลือดสดๆ ใกล้ๆ ได้จากไหน จึงพากันถาม
                ตัวที่ 1  : โอ้โห ! แกไปหากินยังไงวะถึงได้เจอของกินเร็วขนาดนั้น แถมได้กินเลือดด้วย
                ตัวที่ 3 : ตอนออกไปพวกแกเห็นตันไม้ใหญ่ ตรงโน้นไหมวะ  ค้างคาวตัวที่สามย้อนถาม
                ตัวที่ 1 : เห็น
                ตัวที่ 2 : ข้าก็เห็น                                                                                                                   เมื่อเพื่อนๆ ตอบแบบนี้ ค้างคาวตัวที่ 3 จึงพูดแบบเซ็งๆ ว่า  “แต่….ข้าไม่เห็นว่ะ"

                                                                      💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
          Happy Day. (2556.).บทความตลก. [ออนไลน์].  เข้าถึงจาก https://www.kwamru.com/ 81.                                                                  สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561.

บทอ่านเรื่องที่ 10 : เรียนให้เก่งต้องทำแบบไหนนะ

            1) ต้องตั้งใจเรียน : กฎเบสิกตลอดกาล ถ้าเราฟังในสิ่งที่ครูสอน เราก็ต้องเข้าใจและทำข้อสอบได้ แถมยังได้คะแนนจิตพิสัยดีด้วยนะ
            2) หมั่นทำการบ้าน : ได้การบ้านอะไรมาปุ้บ กลับบ้านต้องรีบทำปั้บ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ไม่งั้นจะกลายเป็นดินพอกหางหมู เพราะเราไม่ได้เรียนแค่วิชาเดียว แต่เราเรียนเป็นสิบวิชา และแน่นอนว่าทุกวิชาต้องมีการบ้านแน่นอน เพราะงั้น ได้การบ้านอะไรมาต้องรีบเคลียร์ จะได้มีเวลาไปทำการบ้านวิชาอื่นอีก ขืนเก็บไว้ทำรวดเดียวแล้วอาจไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอานะจ๊ะ
         3) พักผ่อนให้เพียงพอ :  การพักผ่อนยังเป็นกฎสำคัญของการเรียนหนังสือให้เก่งด้วย เมื่อเราได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เราก็จะมีพลังงานในการเรียนหนังสือ  อีกอย่างสมองของเราก็ต้องการการพักผ่อนด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเราง่วงหรือร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความสามารถในการจดจำ ความเข้าใจ สมาธิ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะลดลง ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการเรียนหนังสือ
            4) เรียนรู้สไตล์การสอนของคุณครูแต่ละคน : คุณครูแต่ละคนมักจะมีวิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเราจับสไตล์การสอนของครูแต่ละคนได้ เราก็จะมีวิธีการเตรียมตัวก่อนถึงชั่วโมงเรียน อย่างถ้าคุณครูคนนี้ชอบให้นักเรียนช่วยกันคิดกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม เราสามารถเตรียมตัวได้โดยการอ่านเนื้อหาในบทเรียนมาล่วงหน้าได้
            5) ช่วยกันติว : วิชาไหนที่ยากๆ ลองรวมตัวกับเพื่อน 4-5 คน มาช่วยกันติว ช่วยกันอธิบาย เราไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้เพื่อนช่วยสอน ทั้งสนุกและได้ความรู้ เรียกว่าคุ้มมาก
            6) ต้องรู้จักแบ่งเวลา : กำหนดเวลาให้ตัวเอง เช่น จะเล่น facebook ถึงสามทุ่ม และหลังจากนั้นจะต้องทำการบ้านวิชาสังคมให้เสร็จ แล้วถึงจะกลับมาเล่น facebook ได้อีกครั้ง
            7) อ่านหนังสือก่อนสอบ :  ถ้าเราได้อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาก่อนไปสอบอย่างน้อย 2 รอบจะช่วยให้เราทำข้อสอบได้  แต่ละคนอาจมีวิธีการอ่านหนังสือที่แตกต่างกันออกไป บางคนชอบอ่านไปฟังเพลงไป หรือบางคนชอบอ่านพร้อมกับเขียนสรุปย่อด้วย ลองหาสไตล์ของตัวเองให้เจอ จะได้สนุกกับการอ่านนะจ๊ะ
            8) ถ้าไม่เข้าใจให้ถาม : ข้อไหนไม่เข้าใจอาจถามคุณครูท้ายคาบเรียนก็ได้ คุณครูยินดีที่จะอธิบายข้อสงสัยให้ ฟังอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่เข้าใจตรงไหนต้องถามจะได้กระจ่าง

                                                                           💚💚💚💚💚💚💚💚

  อ้างอิง  :
            พี่เตย. (2555.). อยากเรียนเก่งต้องทำแบบนี้. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.dek-d.com/nugirl/29771.                                                                สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561.

  

บทอ่านเรื่องที่ 11 : ความสุขถูกซ่อนไว้ที่ไหน
            มีมารน้อย 3 ตน แอบมาขโมยความสุขของมนุษย์ไป แล้วก็ปรึกษากันว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี                                      มารน้อยตนที่ 1 ก็ว่าควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก                                                                                มารน้อยตนที่ 2 ว่าเพื่อนเอ๋ย มนุษย์นั้น ไม่กลัวความสูง แต่กลัวหายใจไม่ออก เพราะสังเกตได้ว่า ดำน้ำได้นิดเดียวก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว เพราะกลัวหายใจไม่ออก แต่บนภูเขาอากาศดี มนุษย์ชอบไปเที่ยวภูเขา เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า               มารน้อยตนที่ 3 แย้งว่าอย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่ง สร้างเครื่องมือหาของในทะเล ในอากาศได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอแต่สังเกตได้ว่า นัยน์ตามนุษย์มองไปข้างนอก หูก็ชอบฟังเสียงข้างนอก ชอบไปเที่ยวข้างนอกเราควร  แอบเอาไปซ่อนไว้ในใจมันดีกว่า มนุษย์หาไม่เจอแน่ๆ เพราะว่ามนุษย์ชอบหาความผิดของคนอื่น ไม่ชอบขัดใจตัวเอง ไม่ชอบดูจิตใจของตัวเอง                      มารน้อยทั้ง 3 ตน ก็ตกลงความเห็นเป็นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมามารน้อยก็เอาความสุขของมนุษย์ไปซ่อนไว้ที่ใจของมนุษย์เอง ดังนั้นมนุษย์ผู้โง่เขลาจึงออกตามหาความสุขที่อื่น ที่ภูเขา ที่ชายทะเล ที่คลับ ที่ร้องเพลง เขาจึงหาความสุขไม่พบ มนุษย์ต้องออกไปข้างนอกหาความสุขในที่ผิด ๆ ตลอดมา เพราะว่าเขามีทุกข์ จึงต้องออกไปหาความสุขมากลบเกลื่อน มาเฉลี่ยเพื่อให้ทุกข์นั้นน้อยลง ไปสำมะเลเทเมา ดื่มกินเที่ยว เบียดเบียนคนอื่นเพื่อให้ตนมีความสุขมากขึ้น แต่สุดท้ายความทุกข์นั้นก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม โดยหารู้ไม่ว่า ความสุขเขาที่เฝ้าติดตามเฝ้าหา อยู่ที่ใจตัวเองนั่นเองใยต้องออกไปหาความสุขที่อื่น เพราะต่อให้เขาหาเท่าไหร่ ถ้าใจยังร้อนรุ่ม ไม่สงบเย็น ไม่มีสติ ก็หาสุขนั้นไม่พบ

                                                                              💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :
        บาย บาย แมนชั่น. (2559.).ความสุขถูกซ่อนไว้ที่ไหน. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/                                                                 byebyemansion/photos/pb.1740583229517161.  สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561.


บทอ่านเรื่องที่ 12 : เอกลักษณ์ไทย


                    เอกลักษณ์ไทย  คือ  สิ่งที่บ่งบอกความเป็นชาติไทยได้อย่างชัดเจน และเป็นวัฒนธรรมอันมีค่ายิ่งสำหรับคนไทยทุกคน จะมีอยู่ทุกภาคของประเทศ  มีมากมายหลายประการ  แต่เมื่อรวบรวมเป็นหมวดหมู่แล้ว พอสรุปได้  6  ประการ ได้แก่
                  1) ภาษาไทย คือ ภาษาพูดที่ใช้สื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ ถึงแม้จะมีสำเนียงที่แตกต่างกันไปบ้างในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการใช้ศัพท์กับบุคคลในระดับต่าง ๆ และ อักษรไทยที่ใช้ในภาษาเขียนโดยทั่วไป ภาษาไทยจึงเป็นเอกลักษณ์ของชาติอย่างเด่นชัดและมีถ้อยคำที่สละสลวย 
                   2) การแต่งกาย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการแต่งกายของชาวไทยจะเป็นสากลมากขึ้น แต่ก็ยังคงเครื่องแต่งกาย ของไทยไว้ในโอกาสสำคัญต่าง ๆ  เช่น ในงานพระราชพิธี งานที่เป็นพิธีการ พิธีแต่งงาน เทศกาลและงานประเพณีที่จัดขึ้น แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นเป็นไทยอย่างชัดเจน ในบางหน่วยงานของราชการมีการรณรงค์ให้แต่งกายในรูปแบบไทย ๆ ด้วย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี  เช่น  วันจันทร์ข้าราชการแต่งชุดสีกากี  ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยอีกประการหนึ่ง  ส่วนวันอังคารชาวเชียงรายแต่งชุดสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดเชียงราย  
                  3) การแสดงความเคารพด้วยการไหว้และกราบ ซึ่งแบ่งแยกออกได้อย่างชัดเจน เช่น กราบพระพุทธรูป กราบพระสงฆ์ กราบไหว้บุคคลต่างฐานะหรือวัยต่าง ๆ ตลอดจนการวางตนด้วยความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน การแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
                   4)  สถาปัตยกรรม ประติมากรรม  เห็นได้จากชิ้นงานที่ปรากฏในศาสนสถาน โบสถ์  วิหาร  ปราสาทราชวัง  และอาคารบ้านทรงไทย  พระพุทธรูปเชียงแสน พระพุทธรูปปางต่าง ๆ
                   5) ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี  ประเทศไทยมีการติดต่อกับหลายเชื้อชาติ  ทำให้มีการรับวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ เข้ามา แต่คนไทยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็น ส่วนหนึ่งใน วิถีชีวิตของไทย  เช่น  ประเพณีกินเจ   ประเพณีล่องเรือไฟ  ประเพณีแข่งเรือ 
                   6) ดนตรีไทย กีฬาไทย และการละเล่นพื้นเมืองต่าง ๆ  ประเทศไทยมีสะล้อ ซอ ซึง  ปี่ พิณพาทย์  ระนาด  ฆ้องวง  เป็นเครื่องดนตรีไทย และกีฬาไทยที่ขึ้นชื่อคือมวยไทยและการละเล่นพื้นบ้านพื้นเมืองอีกมากมาย  เช่น  ลิเก  โขน  ลำตัด   หมอลำ  ซอ  กลองยาว ฯลฯ นับว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ไทยคงเป็นไทยอยู่ทุกวันนี้ที่ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและชื่นชม

                                                                             💚💚💚💚💚💚💚💚

อ้างอิง  :
                      xutnutt. (2559.).เอกลักษณ์ไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://xutnutt4.wordpress.com/
                                               ประเภทของเอกลักษณ์ไทย/. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561


บทอ่านเรื่องที่ 13 : 5 วิธีเด็ดลดการใช้มือถือ
        คนไทยที่มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เฉลี่ย 5.7 ชั่วโมงต่อวัน หรือเท่ากับ ครึ่งวันทำงานเลยทีเดียว จะทำอย่างไร เพื่อลดพฤติกรรมนี้แล้วแบ่งเวลาเกือบครึ่งวันกลับมาให้ตัวเอง 5 วิธีนี้ที่จะทำให้คุณลดการใช้มือถือในแต่ละวันได้
         1. ปิดฟีเจอร์การแจ้งเตือน การที่คุณเปิดการแจ้งเตือนไว้ในทุกแอพพลิเคชั่น หรือทุกช่องทางการติดต่อบนสมาร์ทโฟน อาจทำให้คุณเสียเวลามาคอยลบ Notification เหล่านั้นอยู่เป็นประจำ ดังนั้นเพื่อเพิ่มเวลาให้ชีวิต คุณควรปิดฟีเจอร์นี้ทุกๆ ช่องทาง เหลือไว้เฉพาะช่องทางที่จำเป็นเท่านั้น

         2. เช็คตัวเองว่าใช้มือถือเยอะไปหรือไม่ คุณอาจตกใจถ้ารู้ว่าแต่ละวัน คุณเสียเวลาไปกับการใช้มือถือนานแค่ไหน ลองใช้แอพพลิเคชั่นที่ช่วยเช็คเวลา เช่น แอพฯ QualityTime สำหรับ Android หรือ แอพฯ

 Moment สำหรับ iOS ซึ่งทั้ง 2 แอพฯ สามารถตรวจสอบการใช้มือถือของคุณ และแจ้งเตือนว่าใช้มือถือไป

กี่ชั่วโมงต่อวัน ถือว่ามีประโยชน์มากและยังช่วยคุณบริหารเวลาในการลดใช้มือถือได้อีกด้วย

         3. กำหนดเวลา งดมือถือในแต่ละวันคุณควรจัดสรรชั่วโมงในการ งดมือถือ โดยอาจจะเป็นช่วงพักทานอาหารตอนเที่ยง หรือในขณะเข้าห้องน้ำ เพื่อปล่อยให้สมองโล่งจากข้อมูลและการติดต่อสัก 10 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมง หากว่าทำได้ตามนี้ คุณจะประหลาดใจว่าทำไมจึงมีเวลาในการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น หรือมีเวลาเดินเล่น ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่รอแค่เวลาให้คุณวางมือถือในทุก ๆ วันนั่นเอง
         4. อย่าใช้มือถือแทนนาฬิกาปลุก หยุดการนำสมาร์ทโฟนวางไว้ใกล้หมอนขณะเข้านอน หรือใช้แทนนาฬิกาปลุก ทางที่ดีควรวางไว้ให้ห่างจากเตียงนอนให้มากที่สุด ให้ไกลพอที่คุณจะขี้เกียจลุกมาคอยดูคอยส่องโลกโซเชียลมีเดีย ว่ามีใครแชทมาหรือไม่ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ                                                                                   5. ฝึกนิสัยการไม่มีมือถือ วิธีที่ง่ายเริ่มจากเปลี่ยนวิธีการใช้มือถือ โดยคุณจะต้องฝึกมองดูจอมือถือเพียง1 นาที แล้วเช็คข้อมูลในทุกๆ ช่องทางการติดต่อในทุกแพล็ตฟอร์ม เมื่อเช็คเรียบร้อยแล้วจากนั้นให้ ปิดหน้าจอมือถือ แล้วตั้งเวลาเตือนไว้ 15 นาที จากนั้นคว่ำหน้าจอมือถือลง ซึ่งวิธีการ วางคว่ำจอมือถือจะสั่งการสมองคุณให้ปลดปล่อยการรับข้อมูล ลดความเครียด และลดความวิตกกังวล อันเป็นสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพและเสียเวลาชีวิตไปกับการก้มมองหน้าจอมือถือตลอดเวลาได้

                                                                         💚💚💚💚💚💚💚💚
          อ้างอิง  :
                       YENGOBUZZ. (ม.ป.ป.). 5 วิธีเด็ด ลดการใช้มือถือไม่ให้แย่งเวลาชีวิตคุณ.

                                    [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก http://www.yengobuzz.com/-วิธีลดการใช้มือถือ/.

                                                   สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561.

บทอ่านเรื่องที่ 14 : อินทสมานโคตตชาดก
              นานมาแล้ว ในเมืองพาราณสี มีครูดาบสคนหนึ่งดูแลอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ของตนที่มีมากถึง 500 คน ในจำนวนนั้นมี “อินทสมานโคตร” ซึ่งเป็นลูกศิษย์นิสัยดื้อรั้น ว่ายากสอนยาก และไม่ค่อยเชื่อฟังใคร วันหนึ่งอินทสมานโคตรเข้าป่าเพื่อหาผลไม้บังเอิญไปพบลูกช้างกำลังยืนเศร้าสร้อยข้างๆ ศพแม่ของมัน อินทสมานโคตรจึงนำลูกช้างกลับมาเลี้ยงที่อาศรม ครูดาบสเห็นเช่นนั้นจึงห้ามว่า
          “อินทสมานโคตร ขึ้นชื่อว่าช้างเมื่อมันโตขึ้นมันจะฆ่าคนเลี้ยงนะ เจ้าอย่าเลี้ยงลูกช้างนี้เลย”
          แม้ครูดาบสจะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่เป็นผล อินทสมานโคตร ยังคงเก็บลูกช้างไว้ที่อาศรมของตน และคอยหาผลไม้หาหญ้ามาให้กินมิได้ขาด ผ่านไปหลายปีลูกช้างเติบโตขึ้นเป็นช้างเกเรดุดัน ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ นอกจากคนเลี้ยงเท่านั้น ฤดูกาลผันเปลี่ยน ผลไม้เริ่มหายากขึ้น ครูดาบสนั่งสมาธิแล้วบอกให้บรรดาลูกศิษย์เดินทางไปหาผลไม้อีกทิศหนึ่งของป่า ทุกคนต่างเชื่อฟังและออกเดินทางไปตามนั้น ส่วนอินทสมานโคตร ไม่อยากจากช้างของตน แต่ก็จำใจต้องออกไปหาผลไม้มาเลี้ยงตนเองและช้างด้วย อินทสมานโคตรจึงต้องไปหลายวันเพื่อหาผลไม้ให้ได้เยอะๆ จะได้เพียงพอสำหรับตนและช้าง
          ส่วนช้างก็เฝ้ารออินทสมานโคตรด้วยความหิวโหยกระวนกระวาย ผ่านไปหลายวันช้างเริ่มหงุดหงิด มันฟาดงวงฟาดงาเพื่อระบายความโมโหหิวตามนิสัยช้างป่าทำให้อาศรมพัง ข้าวของเสียหายไปมาก ผ่านไป 5 วัน อินทสมานโคตรกลับมาถึงอาศรมของตน ช้างมองเห็นอินทสมานโคตรเดินเข้ามาหา ด้วยความที่มันหงุดหงิดโมโหหิว และคิดว่าอินทสมานโคตรไม่นำอาหารมาให้กิน มันจึงวิ่งตรงเข้าไปทำร้ายอินทสมานโคตรจนตายอย่างน่าสังเวชอยู่ตรงนั้นเอง หลังจากนั้นช้างเกเรก็วิ่งหายเข้าไปในป่า  
            น่าเศร้าใจยิ่งนักที่อินทสมานโคตรต้องมาจบชีวิตลง โดยไม่มีโอกาสที่จะสำนึกถึงคำเตือนของผู้มีพระคุณ เมื่อทุกคนช่วยกันปลงศพอินทสมานโคตรเเรียบร้อยแล้ว ครูดาบสก็อบรมสั่งสอนเหล่าลูกศิษย์ว่า 
          “ดาบสทั้งหลายเอ๋ย เราไม่ควรทำความสนิทสนมกับคนชั่วหรือยอมเป็นมิตรกับคนทุศีลไร้ยางอาย 
ครูดาบสอบรมให้บุคคลคบค้ากระทำไมตรีแต่กับสัตตบุรุษ คือคนดี จะได้ไม่ต้องพบวิบัติดับชีวิตลงเหมือนกับอินทสมานโคตรศิษย์ผู้ดื้อรัน ผู้มีกรรมคนนี้  จากนั้นครูดาบส จึงกล่าวอีกว่า “ธรรมดาคนเราไม่ควรทำตัวเป็นผู้ว่ายากสอนยาก”

                                                                                        💚💚💚💚💚💚💚💚
อ้างอิง  :

                      ดีเอ็มซี ทีวี. (2557).ชาดก 500 ชาติ. [ออนไลน์]. เข้าถึงจาก https://www.dmc.tv/pages/

                                           นิทานชาดก/นิทานชาดก-อินทสมานโคตตชาดก.thml. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562.


บทอ่านเรื่องที่ 15 : ต้นไม้ที่ไม่ควรปลูกในบริเวณบ้าน
               มีพันธุ์ไม้ไม่กี่ชนิดที่เป็นความเชื่อของคนโบราณสืบต่อกันมาว่า เมื่อนำมาปลูกในบ้านที่พักอาศัยแล้วอาจไม่ดี ไม่เป็นมงคล ส่วนใหญ่สอดคล้องกับชื่อของต้นไม้ เช่น
           เต่าร้าง  คนไทยเชื่อว่าจะส่งผลไม่ดีให้แก่ผู้ปลูก ถือว่านามไม่เป็นมงคล เชื่อว่าหากสามีภรรยาปลูกต้นเต่าร้างไว้หน้าบ้าน อาจต้องหย่าร้างกัน
           โศก  ก็เป็นต้นไม้อีกชนิดที่คนไทยไม่นิยมปลูกไว้ในบ้าน เพราะชื่อชวนหดหู่ใจ คนในบ้านจะมีแต่ความทุกข์โศก แต่แท้จริงแล้วชื่อเดิมของ โศก คือ อโศก ต่างหากซึ่งไม่ได้หมายถึงความโศกเศร้าเลย
           ชบา  สมัยโบราณไม่นิยมปลูกชบาไว้ในบ้าน เพราะเป็นดอกไม้ที่จะนำไปใช้เมื่อเกิดเรื่องร้ายๆ เช่น นำดอกชบามาร้อยเป็นพวงแล้วนำมาสวมคอหญิงชายที่เป็นชู้กัน หรือนำดอกชบาไปสวมคอนักโทษที่ถูกประหาร
           งิ้ว  ไม่พ้นเรื่องต้นไม้สัญลักษณ์ของการมีชู้ คนสมัยเก่าจึงไม่นิยมปลูกไว้ในบ้าน แต่ตามอาคาร หรือสำนักงาน ต่างก็นิยมปลูกต้นงิ้ว ซึ่งเชื่อว่าถ้าไม่ใช่ที่พักอาศัยก็ไม่เป็นไร
          มะละกอ  เชื่อว่ามะละกอนั้น เหมือนการแตกกอ หรือ ละ ออกจากเทือกเถาเหล่ากอ บ้านไหนปลูกไว้ในบริเวณบ้านลูกหลานจะแตกแยก ขณะที่คนภาคอีสานเชื่อว่าการปลูกมะละกอหลังบ้านจะถูกหลอกได้ง่าย แต่นิยมปลูกโดยเลือกปลูกนอกรั้วบ้านได้
          นางแย้มป่า  ไม้ชนิดนี้เชื่อว่ามีผีสางนางไม้สิงอยู่ ห้ามนำมาปลูกในบ้าน วันดีคืนดีนางแย้มป่าจะสำแดงเดชรังแกผู้คนในบ้านทำให้เจ็บป่วยลงได้                                                                                                                                ยุคสมัยเปลี่ยนไปหลายคนไม่เชื่อถือว่าเป็นเรื่องเคร่งครัดในการที่จะนำไม้ต้องห้ามมาปลูก

                                                                                      💚💚💚💚💚💚💚💚
 อ้างอิง  :                                                                                                                                                                     ชูชาติ  สมบูรณ์มิตร.  (ม.ป.ป.). ไม้มงคล. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ จำกัด.



ไม่มีความคิดเห็น: